เข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์

หลวงพ่อเล่าว่า  “ตอนเกิดมารกพันคอ เป็นเด็กตัวเล็ก ขี้โรค เจ็บไข้เหมือนจะตาย  แม่พาไปหาพระ พระให้เปลี่ยนชื่อจากทองเหล็กเป็นเหล็ก  และให้แม่ให้สัจจะว่าโตขึ้นต้องบวชเป็นพระตลอดชีวิต แม่ก็รับปาก  จากนั้นก็หายป่วย”

“ เมื่ออายุ 19 ปี 7 เดือน
รวมกับอายุในครรภ์มารดา ก็ครบตามพุทธานุญาต…”
ในวันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2512 ท่านจึงได้ทำการอุปสมบทที่วัดนิคมเขต อำเภอละหานทราย จ.บุรีรัมย์ 
หลวงปู่สุข ธมฺมโชโต เป็นพระอุปัชฌาย์  โดยมีปณิธานแน่วแน่ว่าเป็นการบวชตลอดอายุขัยเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา

คงจะเป็นเพราะรู้ว่าเมื่อบวชแล้ว
จะไม่ได้หวนคืนมาดูแลช่วยเหลือทางบ้านอีก
ในวัยเด็กจึงมัวแต่หาปลาหาเขียด ปลูกพริก ปลูกข้าว รับใช้พ่อแม่อย่างเต็มกำลัง

ตอนเป็นเด็ก ตัวเล็กมาก  พ่อยกไถใส่ไหล่ให้แบกไถไปนา  ระหว่างทางเหนื่อยต้องลงนั่งพัก  พอจะไปต่อ ยกไถเองไม่ใหว ใช้สมองคิดว่าจะทำอย่างไร  อาตมาค่อยๆลากไถไปวางบนคันนา แล้วสอดไหล่เข้าไปรับ แบกต่อไปได้เวลาไปเรียน ครูชี้กระดานให้อ่าน อ่านไม่ออก ครูลงโทษไม่ให้กินข้าวมื้อกลางวัน  เด็กอื่นไปกินข้าวแต่อาตมาต้องนวดให้ครู หิวมาก ต้องไปเด็ดใบขนุนอ่อนกินแก้หิว

“ อาตมามาหัดอ่านหนังสือตอนที่บวชพระ หัดอ่านจากการสวด นะโม ตัสสะ นั่นแหละ  “

ลำดับเรื่องราวพอสังเขป

.. 2512  หัดอ่านเขียนภาษาไทยอย่างจริงจัง
.. 2514  จบนักธรรมเอก
.. 2524  จบเปรียญธรรม 3 ประโยค เป็นพระมหา
.. 2532-2536  หันจากภาวนาพุทโธ มาเริ่มฝึกสายพองหนอยุบหนอ
กับท่านพระอาจารย์ ดร.ภัททันตะ อาสภะมหาเถระ ธรรมาจริยะ อัคคมหากัมมัฏฐานาจริยะ
ที่สำนักวิเวกอาศรม เป็นเวลา 4 ปี
..2533  รับปริญญาตรี พุทธศาสตร์บัณฑิต มหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย
..2533 – .. 2541  เป็นพระวิปัสสนาจารย์สอนพระนิสิตปีที่ 4 ที่มหาจุฬาฯ พุทธมณฑล
..2539  เป็นเจ้าอาวาสวัดสุขสำราญ
.. 2541  เป็นพระวิปัสสนาจารย์ประจำ ที่ยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทย .ปทุมธานี
..2551  รับพระราชทานสมณศักดิ์ เป็นพระครูภาวนาวิหารธรรม ทผจล.ชอ.วิ.
(
พระครูชั้นเอก เทียบเท่าผู้ช่วยเจ้าอาวาสพระอารามหลวงชั้นเอก ฝ่ายวิปัสสนาธุระ)
.. 2554  รับแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะอำเภอเฉลิมพระเกียรติ  มีวัดในปกครอง 20วัด 14 สำนักสงฆ์
.. 2556  เป็นพระอุปัชฌาย์
.. 2558  เป็นพระครูชั้นพิเศษ

ทุกสิ่งที่ได้มาในชีวิตของท่านไม่มีอะไรเลยที่ได้มาอย่างง่ายดาย  ความเฉียดตายเมื่อแรกเกิดผลักดันให้ท่านเข้าสู่ร่มเงาผ้ากาสาวพัสตร์  ความทุกข์ลำเค็ญขาดแคลนสอนท่านให้ไปถึงที่สุดแห่งทุกข์จะได้ไม่กลับมาเวียนเกิดเวียนตายอีก

ผู้เขียน แค่เขียนเล่ายังเหนื่อย  แต่ความเหนื่อยนี้เทียบไม่ได้เลยกับความทุ่มเททำงานพระศาสนาตลอดชีวิตความเป็นพระของท่าน

ผู้เขียนขอกราบด้วยเศียรเกล้า ด้วยความเคารพอย่างสูงยิ่ง

เครดิตผู้เขียน : เด็กวัด

Scroll to Top